โครงการ"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(OBOR)"

ผลักดันวิสัยทัศน์และดำเนินการสร้างแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะแล แห่งศตวรรษที่ ๒๑

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ     กระทรวงการต่างประเทศ      กระทรวงพาณิชย์

(ประกาศโดยสภาแห่งรัฐที่ได้รับมอบอำนาจ )

เดือน มีนาคม  ประจำปี  ค.ศ.  ๒๐๑๕

      สองพันปีก่อน ทวีปยุโรปและเอเชียมีบุคคลผู้กล้าได้ทำการสำรวจและบุกเบิกเส้นทางการค้าและแลกเปลี่ยน วัฒนธรรมที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชีย ทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกาหลายเส้นทาง  คนรุ่นหลังจึงเรียกกันว่า "เส้นทางสายไหม "  ตลอดระยะเวลาหลายพันปี เส้นทางสายไหมยึดหลังการที่ว่า "ร่วมมืออย่างสันติสุข  อดทนอย่างเปิดกว้าง  ศึกษาและช่วยเหลือกันซึ่งต่างฝ่ายต่างก็รับประโยชน์อย่างเท่าเทียม " ทำให้เส้นทางสายไหมเผยแพร่ไปทั่วทุกที่และผลักดันอารยธรรมของมนุษย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น  เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยส่งเสริมความมั่งคั่งและพัฒนาประเทศต่างๆที่ตั้งอยู่แนวเส้นทางสายไหมให้เจริญรุ่งเรือง  เส้นทางสายไหมจึงเป็นสัญลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางภาคตะวันออกและภาคตะวันตก และถือว่าเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโลกอีกด้วย 

     เข้าสู่ศตวรรษที่ ๒๑ โลกยุคใหม่ที่มุ่งเน้นความสงบสุข ความร่วมมือ การพัฒนาและความเท่าเทียมนั้น ต้องเผชิญกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาคที่ซับซ้อน ทำให้การสืบทอดและส่งเสริมพัทธกิจของเส้นทางสายไหมเกิดความสำคัญและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

      เดือนกันยายนและ เดือนตุลาคม  ปี ค.ศ. ๒๐๑๓   คุณ Xi Jinping ประธานาธิบดีประเทศจีนเดินทางมาเยือนประเทศทางเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ได้เสนอข้อริเริ่มเรื่อง " แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม " และ " เส้นทางสายไหมทางทะแล แห่งศตวรรษที่ ๒๑ " (หรือเรียกว่า "One Belt One Road"  ) โดยได้รับความสนใจจากผู้นำระดับสูงและประชาคมระหว่างประเทศอย่างดียิ่ง  ปี ค.ศ. ๒๐๑๓ คุณ Li Keqiang นายกรัฐมนตรีประเทศจีนเข้าร่วมงาน จีน – อาเซียนเอ็กซ์โป ระบุว่า การสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลที่มุ่งหน้าไปทางเขตอาเซียนนั้น  เป็นการสร้างศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเขตชุมชนพื้นที่แนวเส้นทางสายไหม โดยจะเร่งมือสร้างโครงการ"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(OBOR)"  ช่วยส่งเสริมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่อยู่แนวทางเส้นทางสายไหม รวมทั้งยังเกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค  เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาของโลก เป็นแผนการธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และจะสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วโลก

 โครงการ"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(OBOR)" เป็นโครงการที่เป็นระบบ สอดคล้องตามหลักการหารือร่วมกัน ก่อสร้างร่วมกันและแบ่งปันร่วมกัน  มีผลัดดันอย่างต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาระหว่างประเทศที่อยู่แนวทางเส้นทางสายไหมเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น เพื่อส่งเสริมการดำเนินการโครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(OBOR) " และทำให้เส้นทางสายไหมโบราณเกิดความรุ่งโรจน์และความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในรูปแบบใหม่นั้นจะใช้การติดต่อและร่วมมือกันระหว่างทวีปเอเชีย ทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา เพื่อมุ่งสู่ระดับสูงของประวัติศาสตร์ใหม่ รัฐบาลจีนได้กำหนดและประกาศ "ผลักดันวิสัยทัศน์และดำเนินการสร้างแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะแล แห่งศตวรรษที่ ๒๑ "